สล็อตออนไลน์ เด็กไทยเก่ง! คว้ารางวัลอันดับ 8 การแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก World Robot Olympiad 2021 วันนี้ (ธ.ค.64) เฟซบุ๊กแฟนเพจ รัชดา ธนาดิเรก – รองโฆษกรัฐบาล ได้ออกมาโพสต์แสดงความยินดีกับทีม K.P.Y. Panya Robot แชมป์ประเทศไทย ซึ่งมีสมาชิกเป็นเด็กไทยทั้ง 3 คน ซึ่งสามารถไปคว้าอันดับ 8 ในการแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก World Robot Olympiad 2021 (WRO 2021)
โดยสมาชิกทั้งสามคนประกอบด้วย ด.ญ.ลัลน์ญดา ชาญจิตรเลขา (ยิหวา) อายุ 10 ขวบ
จากโรงเรียนอำนวยศิลป์ ด.ช.นพรุจ ฉันทสกุลเดช (กานต์) อายุ 11 ขวบ จากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และ ด.ช.ธนกฤต มยุรฤทธิ์ภิบาล(พอเพียง) อายุ 12 ปี จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร(ฝ่ายประถม) เป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก World Robot Olympiad 2021 (WRO 2021) รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี ผ่านออนไลน์ สามารถทำผลงานคว้าอันดับที่ 8 มาครอง จากประเทศเข้าร่วมแข่งขัน 65 ประเทศรวมกว่า 200 ทีมทั่วโลก
ทั้งนี้ รายงานจากสำนักข่าวไทย ระบุ การแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก World Robot Olympiad 2021 (WRO 2021) จัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ระหว่าง วันที่ 18-21 พ.ย. 2564 โดยมีประเทศเข้าร่วมแข่งขัน 65 ประเทศรวมกว่า 200 ทีม ซึ่งเด็ก ๆ ทั้ง 3 คน เล่าว่า “ภูมิใจที่ได้ทำเต็มที่ สู้จนวินาทีสุดท้าย และทำให้ชื่อประเทศไทย ภาพธงชาติไทยปรากฏขึ้นในเวทีโลกครั้งนี้”
แกร็บประเทศไทย แจงข่าว ‘เซ็นทรัลซื้อหุ้น Grab’ ไม่ใช่การครอบครองกิจการ เครือเซ็นทรัล ยังคงสัดส่วนการถือหุ้น 40% มาตั้งแต่ปี 2562 สืบเนื่องจาก เช้าวันนี้ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (CRC) รายงาน ซื้อหุ้น แกร็บ ประเทศไทย ด้วยเงินลงทุน 4,500 ล้านบาท ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด แกร็บ ประเทศไทย ได้มีหนังสือชี้แจงถึง ข่าวเซ็นทรัลซื้อหุ้นแกร็บว่า จากกรณีที่มีรายงานข่าวของสื่อมวลชนบางราย เกี่ยวกับกรณีที่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ได้เข้าซื้อหุ้น Porto Worldwide Limited (“Porto WW”) ในสัดส่วน 67% ซึ่งลงทุนใน แกร็บ แท็กซี่ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในสัดส่วน 40% นั้น ได้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสาธารณชนว่า CRC จะเข้าถือครองธุรกิจของแกร็บในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งไม่เป็นความจริง
ทั้งนี้ แกร็บ ประเทศไทย ขอยืนยันว่า การดำเนินธุรกรรมทางการเงินดังกล่าวของ CRC ไม่ได้เป็นการครอบครองกิจการของ แกร็บ ประเทศไทย (Takeover) แต่อย่างใด และ เครือเซ็นทรัล (Central Group) ยังคงเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นหลักใน แกร็บ ประเทศไทย โดยยังคงสัดส่วนการถือหุ้น 40% นับตั้งแต่ปี 2562 เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ระวัง ลูกหลาน หมอแล็บเตือน วัยรุ่นแห่ผสมยาแก้ไอดื่ม เทรนด์เสี่ยงตาย อย่าหาทำ
หมอแล็บ เตือนระวัง ลูกหลาน หลังพบ ยาแก้ไอที่วัยรุ่นกิน ผสมโคเดอีนดื่ม เพื่อให้เกิดอาการเคลิ้ม มึนเมา ชี้อันตรายถึงชีวิต เฟซบุ๊กแฟนเพจ หมอแล็บแพนด้า ออกมาโพสต์เตือนภัยวันนี้ (2 ธ.ค.64) โดยเป็นการตอบคำถามจากแฟนเพจที่ส่งภาพยาแก้ไอเข้ามา โดยระบุว่า อันนี้คืออะไร เห็นหลานสาวซื้อมาผสมกับน้ำดื่มทุกวัน วันไหนไม่กินไม่ได้
จากนั้นหมอแล็บแพนด้าได้โพสต์ตอบคำถาม โดยระบุว่า อันนี้เป็นยาแก้ไอที่ผสมโคเดอีน ต้องให้หลานสาวหยุดกินนะครับ วัยรุ่นไทยวัยสร้างอุปกรณ์ ชอบเอายาแก้ไอที่ผสมสาร “โคเดอีน” มาผสมกับน้ำอัดลม น้ำหวาน หรือน้ำชาเขียว บางคนก็ใส่ยาตัวอื่นเข้าไปเพิ่มหรือไม่ใส่ก็ได้ พอดื่มแล้วจะมีอาการเมาคล้ายๆ เมาเหล้านั่นแหละครับ เป็นการใช้ยาแบบผิดประเภท
ซึ่งโคเดอีนจะมีฤทธิ์คล้ายกับ “มอร์ฟีน” ทำให้เกิดอาการเคลิ้ม มึนเมา ก็เลยถูกจัดเป็นยาเสพติด การที่วัยรุ่นไทยเอาไปผสมน้ำอัดลมดื่ม ฤทธิ์ของมันไม่ใช่แค่ทำให้มึนเมาสิครับ ถ้าดื่มเข้าไปมากๆ และต่อเนื่อง มีสิทธิจะทำให้เกิดการชัก เพ้อคลั่ง ชีพจรเต้นช้า หัวใจเต้นเร็ว ไม่รู้สึกตัว กล้ามเนื้ออ่อนแรง ระบบการหมุนเวียนภายในร่างกายล้มเหลว ระบบการหายใจเป็นอัมพาต มีโอกาสเสียชีวิตได้เลย
ถ้าเจอลูกหลานซื้อยาแก้ไอมากินหลายๆขวด ต้องสังเกตสังกาให้ดีนะครับ เป็นนักเคมีน้อยกำลังผสมยาเสพติดรึเปล่า ระวังลูกหลานเราให้ดี ก่อนที่จะสายเกินไปครับ
ทั้งนี้อาการไม่พึงประสงค์ของการใช้โคเดอีน พบว่าจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ง่วงซึม ท้องผูก โดยการใช้ยาในขนาดที่สูงๆ ทำให้การหายใจหยุด ช็อก และหัวใจหยุดเต้น อีกทั้งการใช้ยาติดต่อเป็นเวลานานทำให้เกิดการติดยาได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยสำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ฯ สำหรับประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
โดยยังคงปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 อาทิ การตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารและผู้ขับรถ การสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดการเดินทาง ในระหว่างการเดินทางต้องมีการระบายอากาศภายในรถโดยสารปรับอากาศ รถตู้โดยสารปรับอากาศ และเปิดประตูหน้าต่างเพื่อระบายอากาศภายในรถ และทำความสะอาดภายในตัวรถและพื้นผิวสัมผัสภายในรถด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ สล็อตออนไลน์